จำเลยในฐานะเจ้าของรถต้องจ่ายเงินให้แก่กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย
อัพเดทล่าสุด: 29 พ.ค. 2024
344 ผู้เข้าชม
จำเลยในฐานะเจ้าของรถต้องจ่ายเงินให้แก่กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2545
คำพิพากษาย่อสั้น
เจ้าของรถที่จะต้องชำระเงินค่าเสียหายเบื้องต้นคืนให้แก่สำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยพร้อมเงินเพิ่มตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพ.ศ. 2535 มาตรา 26 หมายถึงเจ้าของรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งมิได้จัดให้มีการประกันความเสียหายตามมาตรา 23(1) ไว้เท่านั้น แต่จำเลยเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นผู้ประสบภัยจากรถยนต์ของผู้อื่นที่ทำให้จำเลยได้รับบาดเจ็บจำเลยจึงมิใช่เจ้าของรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายตามมาตรา 23(1) กรมการประกันภัยโจทก์จึงไม่อาจฟ้องบังคับให้จำเลยชำระค่าเสียหายเบื้องต้นที่ได้จ่ายให้จำเลยไปคืนให้แก่โจทก์
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของโดยเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร 9 ฉ - 4801 ซึ่งต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยโดยประกันกับบริษัทตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 แต่จำเลยมิได้จัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยจากรถจักรยานยนต์ของจำเลย ดังนั้น หากมีผู้ประสบภัยจากรถจักรยานยนต์ของจำเลย จำเลยมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นเงิน 15,000 บาท ให้แก่ผู้ประสบภัยหรือเมื่อสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัยไปแล้ว จำเลยในฐานะเจ้าของรถมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินให้แก่สำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยพร้อมด้วยเงินเพิ่มอัตราร้อยละยี่สิบของจำนวนค่าเสียหายเบื้องต้นที่จ่ายจากกองทุนส่งเข้าสมทบกองทุนภายในเจ็ดวันนับแต่วันได้รับคำสั่งเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2541 เวลาประมาณ 21 นาฬิกา จำเลยขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปตามถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าไปทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อถึงบริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร มีรถผู้อื่นเลี้ยวกลับรถตัดหน้ารถของจำเลย จำเลยไม่สามารถชะลอหรือหยุดรถได้ทัน จึงเฉี่ยวชนกับรถของผู้อื่นดังกล่าวจนจำเลยได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช จำเลยได้มอบอำนาจให้โรงพยาบาลดังกล่าวขอรับค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยภาค 2 เจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่สำนักงานคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขต 2 ได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นเงิน 14,940 บาท เป็นค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เจ้าของรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายมิได้จัดให้มีการประกันความเสียหายตามมาตรา 23(1) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ให้แก่จำเลยไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2542 แล้วต่อมาเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชดใช้เงินที่โจทก์จ่ายไปพร้อมเงินเพิ่มร้อยละยี่สิบคืน เพื่อนำเข้าสมทบกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยภายในเจ็ดวัน แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินจำนวน 14,940บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จากวันที่ 2 เมษายน 2542 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน1,120 บาท และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราเดียวกันจากต้นเงิน 14,940 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ที่ต้องวินิจฉัยว่าการที่จำเลยมิได้จัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยจากรถจักรยานยนต์ของจำเลยและเมื่อจำเลยเป็นผู้ประสบภัยจากรถ แล้วสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยได้จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่จำเลยไปแล้ว จำเลยในฐานะเจ้าของรถมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินให้แก่สำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยพร้อมด้วยเงินเพิ่มอีกร้อยละยี่สิบของจำนวนค่าเสียหายเบื้องต้นตามมาตรา 7, 23(1), 25, 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฎีกาได้แต่เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย ดังนั้น การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 ประกอบมาตรา 247 ซึ่งข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2541 เวลาประมาณ 21 นาฬิกา จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของจำเลยซึ่งมิได้จัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาตรา 7 ไปตามถนนพหลโยธินมุ่งหน้าไปทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อถึงบริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 11รักษาพระองค์ แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร มีรถยนต์ผู้อื่นเลี้ยวกลับตัดหน้ารถของจำเลย จำเลยไม่สามารถชะลอหรือหยุดรถได้ทันจึงเฉี่ยวชนกับรถของผู้อื่นดังกล่าวเป็นเหตุให้จำเลยได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช จำเลยมอบอำนาจให้โรงพยาบาลดังกล่าวขอรับค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยเขต 2 เจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่สำนักงานคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขต 2 อนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นเงิน 14,940 บาท เป็นค่ารักษาพยาบาลให้แก่จำเลยไป โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยใช้เงินตามจำนวนค่าเสียหายเบื้องต้นที่โจทก์จ่ายไปคืนให้แก่โจทก์พร้อมเงินเพิ่มร้อยละยี่สิบ เห็นว่า เจ้าของรถที่จะต้องชำระเงินค่าเสียหายเบื้องต้นคืนให้แก่สำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยพร้อมเงินเพิ่มตามพระราชบัญญัติผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาตรา 26 นั้น หมายถึงเจ้าของรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งมิได้จัดให้มีการประกันความเสียหายตามมาตรา 23(1)ไว้เท่านั้น แต่จำเลยเป็นผู้ประสบภัยจากรถยนต์ของผู้อื่นที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลย จำเลยจึงมิใช่เจ้าของรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 23(1)แต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยมิได้จัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยตามมาตรา 7 ถือว่าจำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายดังกล่าวอันมีโทษทางอาญา เมื่อก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น จึงต้องรับผิดตามมาตรา 23(1) ด้วย นั้นก็เป็นส่วนความรับผิดในทางอาญาของจำเลยหาครอบคลุมให้จำเลยต้องรับผิดตามมาตรา 23(1) ประกอบมาตรา 26 ด้วยไม่ ดังจะเห็นได้จากเจตนารมณ์ของการประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ว่า "...เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับชดใช้ค่าเสียหายและได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นที่แน่นอนและทันท่วงที สมควรกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ..." ดังนั้นเพื่อให้ผู้ประสบภัยจากรถได้รับการเยียวยารักษาทันท่วงทีจากบริษัทประกันภัยหรือสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ แล้วให้บริษัทหรือสำนักงานดังกล่าวมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากเจ้าของรถ ผู้ขับขี่ที่ก่อให้เกิดความเสียหายเพราะความจงใจหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงได้ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535มาตรา 31 ด้วยเหตุผลดังวินิจฉัยมาโจทก์จึงไม่อาจฟ้องบังคับให้จำเลยชำระค่าเสียหายเบื้องต้นคืนให้แก่โจทก์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 7
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 23
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 25
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 26
ผู้พิพากษา :
วีระศักดิ์ รุ่งรัตน์
ไพศาล เจริญวุฒิ
สมชาย จุลนิติ์
แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2545
คำพิพากษาย่อสั้น
เจ้าของรถที่จะต้องชำระเงินค่าเสียหายเบื้องต้นคืนให้แก่สำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยพร้อมเงินเพิ่มตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพ.ศ. 2535 มาตรา 26 หมายถึงเจ้าของรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งมิได้จัดให้มีการประกันความเสียหายตามมาตรา 23(1) ไว้เท่านั้น แต่จำเลยเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นผู้ประสบภัยจากรถยนต์ของผู้อื่นที่ทำให้จำเลยได้รับบาดเจ็บจำเลยจึงมิใช่เจ้าของรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายตามมาตรา 23(1) กรมการประกันภัยโจทก์จึงไม่อาจฟ้องบังคับให้จำเลยชำระค่าเสียหายเบื้องต้นที่ได้จ่ายให้จำเลยไปคืนให้แก่โจทก์
คำพิพากษาย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของโดยเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร 9 ฉ - 4801 ซึ่งต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยโดยประกันกับบริษัทตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 แต่จำเลยมิได้จัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยจากรถจักรยานยนต์ของจำเลย ดังนั้น หากมีผู้ประสบภัยจากรถจักรยานยนต์ของจำเลย จำเลยมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นเงิน 15,000 บาท ให้แก่ผู้ประสบภัยหรือเมื่อสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัยไปแล้ว จำเลยในฐานะเจ้าของรถมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินให้แก่สำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยพร้อมด้วยเงินเพิ่มอัตราร้อยละยี่สิบของจำนวนค่าเสียหายเบื้องต้นที่จ่ายจากกองทุนส่งเข้าสมทบกองทุนภายในเจ็ดวันนับแต่วันได้รับคำสั่งเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2541 เวลาประมาณ 21 นาฬิกา จำเลยขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปตามถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าไปทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อถึงบริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร มีรถผู้อื่นเลี้ยวกลับรถตัดหน้ารถของจำเลย จำเลยไม่สามารถชะลอหรือหยุดรถได้ทัน จึงเฉี่ยวชนกับรถของผู้อื่นดังกล่าวจนจำเลยได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช จำเลยได้มอบอำนาจให้โรงพยาบาลดังกล่าวขอรับค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยภาค 2 เจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่สำนักงานคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขต 2 ได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นเงิน 14,940 บาท เป็นค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เจ้าของรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายมิได้จัดให้มีการประกันความเสียหายตามมาตรา 23(1) แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ให้แก่จำเลยไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2542 แล้วต่อมาเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชดใช้เงินที่โจทก์จ่ายไปพร้อมเงินเพิ่มร้อยละยี่สิบคืน เพื่อนำเข้าสมทบกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยภายในเจ็ดวัน แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินจำนวน 14,940บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จากวันที่ 2 เมษายน 2542 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน1,120 บาท และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราเดียวกันจากต้นเงิน 14,940 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ที่ต้องวินิจฉัยว่าการที่จำเลยมิได้จัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยจากรถจักรยานยนต์ของจำเลยและเมื่อจำเลยเป็นผู้ประสบภัยจากรถ แล้วสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยได้จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่จำเลยไปแล้ว จำเลยในฐานะเจ้าของรถมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินให้แก่สำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยพร้อมด้วยเงินเพิ่มอีกร้อยละยี่สิบของจำนวนค่าเสียหายเบื้องต้นตามมาตรา 7, 23(1), 25, 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฎีกาได้แต่เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย ดังนั้น การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 ประกอบมาตรา 247 ซึ่งข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2541 เวลาประมาณ 21 นาฬิกา จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของจำเลยซึ่งมิได้จัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาตรา 7 ไปตามถนนพหลโยธินมุ่งหน้าไปทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อถึงบริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 11รักษาพระองค์ แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร มีรถยนต์ผู้อื่นเลี้ยวกลับตัดหน้ารถของจำเลย จำเลยไม่สามารถชะลอหรือหยุดรถได้ทันจึงเฉี่ยวชนกับรถของผู้อื่นดังกล่าวเป็นเหตุให้จำเลยได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช จำเลยมอบอำนาจให้โรงพยาบาลดังกล่าวขอรับค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยเขต 2 เจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่สำนักงานคุ้มครองผู้เอาประกันภัยเขต 2 อนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นเงิน 14,940 บาท เป็นค่ารักษาพยาบาลให้แก่จำเลยไป โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยใช้เงินตามจำนวนค่าเสียหายเบื้องต้นที่โจทก์จ่ายไปคืนให้แก่โจทก์พร้อมเงินเพิ่มร้อยละยี่สิบ เห็นว่า เจ้าของรถที่จะต้องชำระเงินค่าเสียหายเบื้องต้นคืนให้แก่สำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยพร้อมเงินเพิ่มตามพระราชบัญญัติผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 มาตรา 26 นั้น หมายถึงเจ้าของรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งมิได้จัดให้มีการประกันความเสียหายตามมาตรา 23(1)ไว้เท่านั้น แต่จำเลยเป็นผู้ประสบภัยจากรถยนต์ของผู้อื่นที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลย จำเลยจึงมิใช่เจ้าของรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 23(1)แต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยมิได้จัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยตามมาตรา 7 ถือว่าจำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายดังกล่าวอันมีโทษทางอาญา เมื่อก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น จึงต้องรับผิดตามมาตรา 23(1) ด้วย นั้นก็เป็นส่วนความรับผิดในทางอาญาของจำเลยหาครอบคลุมให้จำเลยต้องรับผิดตามมาตรา 23(1) ประกอบมาตรา 26 ด้วยไม่ ดังจะเห็นได้จากเจตนารมณ์ของการประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ว่า "...เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับชดใช้ค่าเสียหายและได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นที่แน่นอนและทันท่วงที สมควรกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ..." ดังนั้นเพื่อให้ผู้ประสบภัยจากรถได้รับการเยียวยารักษาทันท่วงทีจากบริษัทประกันภัยหรือสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ แล้วให้บริษัทหรือสำนักงานดังกล่าวมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากเจ้าของรถ ผู้ขับขี่ที่ก่อให้เกิดความเสียหายเพราะความจงใจหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงได้ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535มาตรา 31 ด้วยเหตุผลดังวินิจฉัยมาโจทก์จึงไม่อาจฟ้องบังคับให้จำเลยชำระค่าเสียหายเบื้องต้นคืนให้แก่โจทก์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามาชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง :
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 7
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 23
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 25
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 มาตรา 26
ผู้พิพากษา :
วีระศักดิ์ รุ่งรัตน์
ไพศาล เจริญวุฒิ
สมชาย จุลนิติ์
แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
บทความที่เกี่ยวข้อง